ปัญหาฝุ่น PM2.5 จะหมดไปจากกรุงเทพฯ ไหม
คนกรุงเทพฯ มาทำความรู้จักเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่กัน พร้อมกับแนวทางแก้ไขที่ทำได้จริง ในการแก้ปัญหามลพิษ PM2.5 โดยศูนย์วิจัย MOVE มจธ.
ศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center หรือ MOVE มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบุรี (มจธ.) เล็งเห็นถึงผลกระทบของปัญหา PM2.5 จึงได้ศึกษาและวิจัยการเเก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากภาคขนส่งทางถนนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่สำหรับประเทศไทย
ในช่วง ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัย MOVE ได้ร่วมมือพันธมิตร ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ทำโครงการ “การศึกษาความเป็นไปได้ในการทดแทนรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และยานยนต์ที่ได้มาตรฐานค่าไอเสียยูโร 6 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในบรรยากาศ”
โดยเสนอให้มีการนำเทคโนโลยียานยนต์ต่อไปนี้มาทดแทนยานยนต์ดีเซล ทั้งระยะสั้นและยาว
- ยานยนต์ดีเซลใหม่ด้วยมาตรฐานค่าไอเสียยูโร 5 และ 6 มาใช้ทันที ซึ่งยานยนต์จะมีการติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย (Aftertreatment System) เพื่อดักจับหรือกำจัดมลพิษที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และสามารถลด PM ได้ถึง 95%
- ยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ทดแทนทั้งยานยนต์ใหม่และเก่า ที่มีการติดตั้งระบบการจ่ายเชื้อเพลิงเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติในระบบการขับเคลื่อน
- ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) ซึ่งเป็นยานยนต์ที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษจากปลายท่อ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน
จากผลการจัดทำภาพฉายการปลดปล่อยมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคขนส่งในอนาคตของประเทศไทย ในกรณีที่มีการดำเนินการตามนโยบายชาติด้านการลดการปลดปล่อยมลพิษจากยานยนต์ ได้แก่
- การส่งเสริมให้ปรับมาตรฐานการปล่อยไอเสียให้เป็นยูโร 5 หรือ ยูโร 6
- การส่งเสริมยานยนต์ใหม่ในปี ค.ศ. 2035 ที่จะเข้าสู่ตลาดเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ 100%
สามารถลดการปล่อยมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคขนส่งทางถนนลง ในปีค.ศ. 2050 ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับกรณี BAU